ในยุคดิจิตอลที่เลข 0 และ 1 ถูกสังเคราะห์ไปเป็นข้อมูลและสร้างสรรค์ให้คนเรานำไปใช้ประโยชน์อย่างมากมาย(และหลายครั้งก็นำไปใช้แล้วให้โทษมามากมายหลายเช่นกัน) นับวันเจ้าของข้อมูลดิจิตอลที่ประกอบไปด้วยเลข 2 ตัวนี้ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นทุกอณูมวล การจัดเก็บข้อมูลดิจิตอลก็มีความจำเป็นมากขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย และหากมองถึงความเป็นดิจิตอลก็มีความจำเป็นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และหากมองถึงความเป็น Digital Mobile Lifestyle อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่พกพาได้ก็เริ่มมีอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ของคนไอทีรุ่นใหม่มากขึ้นไปด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าอุปกรณ์สื่อสารที่สามารถพกพาข้อมูลของคุณไปไหนมาไหนได้สะดวกในเวลานี้มีให้ใช้งานอยู่มากมายหลากหลายรูปแบบ ที่ฮิตกันอยู่มากที่สุดจะหนีไม่พ้นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลผ่านอินเทอร์เฟซ แบบ USB ที่สุดแสนยอดนิยมอย่างแพร่หลายอย่างแฟลซไดรฟ์ไปได้ แต่ด้วยขนาดในการจัดเก็บข้อมูลสูงสุดที่สามารถหาซื้อได้ในบ้านเราเพียงแค่ 16 กิกะไบต์ก็อาจจะไม่สะใจพอสำหรับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มากกว่านั้นได้ ดังนั้นอุปกรณ์ที่น่าจะตอบสนองความต้องการในการเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมากได้ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้น External Handdisk หรือฮาร์ดดิสก์ที่ใช้งานภายนอกไปได้ (ต่อไปขอใช้คำว่า Ext HDD เพื่อความกะซับนะครับ)ด้วยราคาที่ลดต่ำลงมาเรื่อยๆ บวกกับรูปแบบและรูปลักษณ์ที่มีให้เลือกให้อย่างหลากหลาย จึงไม่แปลกในที่ Ext HDD จะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไข้หวัด 2009 และจุดประสงค์ของบทความนี้ก็คือการแนะนำการเลือกซื้อ Ext HDD อย่างไรให้ถูกใจคุณผู้อ่านมากที่สุด พูดง่ายๆ ก็คือซื้อครั้งเดียวให้ได้ Ext HDD ให้ถูกใจแบบไม่มีชีช้ำกันไปเลย
เลือกรูปแบบของ Ext HDD
จะว่าไปหากมองถึงรูปแบบของ Ext HDD ในปัจจุบัน ก็อาจสรุปได้ว่ามีอยู่ 2 รูปแบบให้เลือกใช้งาน คือ ขนาด 2.5 นิ้ว ที่นำฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ใช้งานภายในโน้ตบุ๊กมาประยุกต์ใช้งานเป็น Ext HDD โดย Ext HDD รูปแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ไปเลี่ยงจากภายนอกมาใช้งานแต่อย่างใด อาศัยพลังงานไฟฟ้าจากพอร์ต USB ก็เพียงพอที่จะทำให้ตัวฮาร์ดดิสก์สามารถทำงานได้แล้ว จึงมีความสะดวกเป็นอย่างมากในการพกพาไปไหนมาไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวังเรื่องการตกกระแทกให้ดีด้วยเช่นกัน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าฮาร์ดดิสก์ที่นำมาใช้งานนั้น เป็นฮาร์ดดิสก์แบบเดียวกับที่ใช้งานในโน้ตบุ๊กซึ่งเป็นระบบกลไกแมกคานิกปรับระดับตำแหน่งหัวอ่านให้อ่านข้อมูลที่อยู่บนแผ่นบันทึกข้อมูล หากพกพาแบบไม่ระวังก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายจนไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ หรือหากว่าเกิดการกระแทกในระหว่างการทำงานก็อาจจะทำให้หัวอ่านกระแทกกับสื่อบันทึกข้อมูลจนเกิดความเสียหายขึ้นทั้งสื่อบันทึกข้อมูลและหัวอ่านได้เช่นกัน
Ext HDD ขนาด 2.5 นิ้ว มีความกะทัดรัด เชื่อมต่อตัวไดรฟ์เข้ากับพอร์ต USB ก็สามารถใช้งานได้ทันที
ส่วน Ext HDD อีกแบบจะเป็นแบบขนาด 3.5 นิ้ว ที่นำฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว ที่ใช้งานบนเครื่องเดสก์ทอปมาประยุกต์เป็น Ext HDD แน่นอนว่ารูปลักษณ์ของฮาร์ดดิสก์รูปแบบนี้จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าในแบบ 2.5 นิ้ว อย่างเห็นได้ชัดเจนขณะเดียวกันด้วยการเป็นฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดสื่อบันทึกข้อมูลที่ใหญ่กว่า จึงจำเป็นต้องมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อให้มอเตอร์สามารถขับเคลื่อนสื่อบันทึกข้อมูลให้หมุน และหัวอ่านสามารถค้นหาข้อมูลได้ ด้วยขนาดใหญ่กว่าบวกกับการต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติม ทำให้ Ext HDD รูปแบบนี้เหมาะสำหรับการใช้งานอยู่เป็นที่เป็นทางกับเครื่องเดสก์ทอปหรือโน้ตบุ๊กเป็นหลัก โดยวัตถุประสงค์การใช้งานก็เพื่อขยายขนาดความจุข้อมูลให้กับเครื่องพีซีได้มากกว่าของเดิมที่มีอยู่โดยไม่ต้องอัพเกรดฮาร์ดดิสก์เพิ่มเติม หรือไม่ต้องเปิดฝาเคสออกมาให้เสียเวลา ถามยังสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้คล่องตัว แม่ว่าจะต้องพกอะแดปเตอร์ไปด้วยก็ตาม
Ext HDD ขนาด 3.5 นิ้ว มีขนาดใหญ่กว่าแบบ 2.5 นิ้ว และจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมจากอะแดปเตอร์
จะเห็นว่า Ext HDD ทั้ง 2 ขนาด ก็สามารถแบ่งกลุ่มรูปแบบการใช้งานไห้กับผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันหากมองในเรื่องของราคาขาย Ext HDD ที่ขนาดเท่ากัน ขนาด 3.5 นิ้ว จะมีราคาต่อ 1 กิกะไบต์ ที่ต่ำกว่า 2.5 นิ้ว อย่างเห็นได้ชัด (ดูรายละเอียดได้จากตารางที่ 2 ) โดยขนาด 3.5 นิ้วจะมีรูปแบบการเชื่อมต่อให้คุณได้เลือกใช้งานที่หลากหลายกว่า ซึ่งรูปแบบการเชื่อมต่อจะมีรูปแบบใดให้ใช้งานนั้นเราไปดูราบละเอียดส่วนนี้ในหัวข้อถัดไปกันเลย
อินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อก็สำคัญ
สำหรับอินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อที่เราจะพบจาก Ext HDD ก็มีหลายรูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็นแบบพอร์ต USB 2.0 ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแถมยังให้อัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงสุดถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที อีกด้วยหรือจะเป็นแบบ Fire Wire ในแบบ IEEE400 และ IEEE800 ที่ให้อัตราการถ่ายโอนข้อมูลในระดับ 400 เมกะบิตต่อวินาที และ 800 เมกะบิตต่อวินาทีและที่ให้ความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลมากที่สุดก็หนีไม่พ้นอินเตอร์เฟซแบบ eSATA หรือ External SATA ที่นำการเชื่อมต่อแบบ SATA มาใช้กับ Ext HDD ภายนอกได้ ทำให้การเชื่อมต่อข้อมูลมีความรวดเร็วในระดับ 300 เมกะไบต์ต่อวินาที ซึ่งเทียบเท่ากับการติดตั้งฮาร์ดดิส์กแบบ SATA ไว้ในตัวเคสของเครื่องพีซีเลยที่เดียว
รูปแบบการเชื่อมต่อของ Ext HDD กับเครื่องพีซีในอินเตอร์เฟซรูปแบบต่างๆ
ตารางที่ 1 แสดงอัตราการถ่ายโอนข้อมูลในทางทฤษฏีของอินเตอร์เฟซการเชื่อมในรูปแบบต่างๆ
| |
eSATA
|
300 เมกะไบต์ต่อวินาที
|
FireWire 800
|
800 เมกะบิตต่อวินาที (100 เมกะไบต์ต่อวินาที)
|
FireWire 400
|
400 เมกะบิตต่อวินาที (50 เมกะไบต์ต่อวินาที)
|
USB 2.0
|
480 เมกะบิตต่อวินาที (60 เมกะไบต์ต่อวินาที)
|
NAS อีกตัวเลือกที่น่าสนใจ
Ext HDD แบบ NAS หรือ Network Attach Storage เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการอรรถประโยชน์ในการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม เพราะ NAS สามารถที่จะเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่ายได้ ทำให้สามารถแบ่งปันไฟล์ต่างๆ ให้กับเครื่องพีซีอื่นๆ ในระบบเครือข่ายได้อย่างสะดวกโดยที่ NAS จะมีให้เลือกใช้งานทั้งที่ออกแบบสำหรับใช้ในองค์การขนาดใหญ่หรือสำนักงานขนาดเล็ก
NAS จะมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบที่มีฮาร์ดดิสก์มาให้สำเร็จรูปในตัว ผู้ใช้ไม่สามารถอัพเกรดได้ (เว้นแต่มีการถอดเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ด้วยตัวเอง)และแบบที่ต้องซื้อฮาร์ดดิสก์มาใช้งานเอง โดยในซีรส์ที่มีราคาสูงสักหน่อยก็อาจจะมีคุณสมบัติการใช้งาน RAID 0 และ RAID 1 มาให้ด้วยหรือจะเป็นคุณสมบัติการดาวน์โหลดไฟลือัตโนมัติ อย่างเช่น บิตทอร์เนนต์เพิ่มมาให้ใช้งานเพิ่มอีกด้วย
ส่วน NAS อีกแบหนึ่งก็จะเป็น NAS แบบ NAS Sever ที่ผู้ใช้จะต้องจัดหาฮาร์ดดิสก์มาใช้งานเพิ่มเติมเองโดย NAS รูปแบบนี้จะมีฟังก์ชันการใช้งานมาใช้งานมากมาย นอกเหนือจากฟังก์ชั่นทั่วไป อย่าเช่น การทำงานเป็นเซิร์ฟเวอร์เพื่อแบ่งปันไฟล์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ทั้งในแบบ SMB,FTP,HTTPS,HTTP และ AEP ทำให้องค์การไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่มาใช้งาน อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ หากเป็น NAS Sever ในรุ่นท็อปก็จะมีไดรฟ์เบย์ในแบบ Hot Swap ได้ แม้ว่าตัวเครื่องกำลังทำงานอยู่ก็ตาม ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานมากขึ้น
ขนาดเท่าไหร่ที่น่าจะซื้อ
จากการเลือกประเภท อินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อ ของ Ext HDD ต่อไปเรามาดูกันว่า Ext HDD ขนาดความจุเท่าไหร่ที่น่าใช้งานมากที่สุด จากตารางที่ 2 เป็นตารางแสดงราคาต่อ 1 กิกะไบต์ ของ Ext HDD ในรูปแบบและขนาดต่างๆ จะเห็นว่า Ext HDD ที่มีขนาดความจุยิ่งมาก ก็ยิ่งมีราคาต่อราคาต่อ 1 กิกะไบต์ที่น้อยลงตามไปด้วย ที่สังเกตได้ชัดเจนอย่างหนึ่งก็คือ Ext HDD ขนาด 2.5 นิ้ว จะมีราคาต่อ1 กิกะไบต์ ที่สูงกว่าขนาด 3.5 นิ้ว อยู่ประมาณ 21% - 24% เลยทีเดียวและแน่นอนว่าถ้าหากมองที่ราคาต่อ 1 กิกะไบต์ Ext HDD ความจุสูงๆ ช่างให้ความคุ้มค่าน่ายั่วยวนใจเสียเหลือเกินโดยให้ความคุ้มที่สุดคือ 3.66 บาท ต่อ 1 กิกะไบต์
ตารางที่ 2 ราคาต่อ 1 กิกะไบต์ ของ Ext HDD ขนาด และรูปแบบต่างๆ
| |||
ประเภทของ Ext HDD
|
ขนาดความจุ
|
ราคาโดยเฉลี่ย
|
ค่าใช้จ่ายต่อขนาด 1 กิกะไบต์
|
Ext HDD ขนาด 2.5 นิ้ว
|
160 กิกะไบต์
|
1,995 บาท
|
12.46 บาท
|
250 กิกะไบต์
|
2,420 บาท
|
9.68 บาท
| |
320 กิกะไบต์
|
2,698 บาท
|
8.42 บาท
| |
500 กิกะไบต์
|
3,878 บาท
|
7.75 บาท
| |
Ext HDD ขนาก 3.5 นิ้ว
|
320 กิกะไบต์
|
2,210 บาท
|
6.62 บาท
|
500 กิกะไบต์
|
2,910 บาท
|
5.82 บาท
| |
1,024 กิกะไบต์
|
4,560 บาท
|
4.48 บาท
| |
1,.240 กิกะไบต์ มี พอร์ต eSATA
(7,200 รอบต่อวินาที)
|
6,100 บาท
|
5.95 บาท
| |
1,596 กิกะไบต์
|
5,800 บาท
|
3.66 บาท
|
การประกันก็ไม่ควรมองข้าม
นอกเหนือจากปัจจัยการเลือกซื้อแล้ว ในส่วนของการรับประกันหลังการขายก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัจจัยการเลือกซื้ออื่นๆ เพราะนั่นหมายถึงความสุขหรือความสุขใจหรือทุกข์ใจปริมาณมากหรือน้อยที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ตัว Ext HDD มีปัญหาเกิดขึ้น ดังนั้นในการเลือกซื้อ Ext HDD คุณควรจะมองว่าแบรนด์ใดให้ระยะเวลารับประกันมากน้อยเพียงใด มีศูนย์บริการของตัวแทนจำหน่ายมากน้อยแค่ไหน และหากตัวสินค้ามีความเสียหายจะมีการบริการเสริมมากน้อยอย่างไรเปลี่ยนตัวใหม่ให้หรือไม่ มีบริการแบ็กอัพข้อมูลให้ฟรี หรือต้องมีค่าใช้จ่าย ในส่วนนี้คุณต้องหาข้อมูลด้วยตัวเองก่อนซื้อให้ดีเสียก่อน เพราะหากไปถามพนักงานขายก็อาจจะให้คำตอบที่คลาดเคลื่อนแก่คุณได้
USB 2.0 VS FireWire 400 VS FireWire 800 : แบบแรงกว่ากัน
ด้วยอินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อที่หลากหลาย แน่นอนว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลของการเชื่อมต่อแต่ละแบบไม่เท่ากันโดยเฉพาะความต่อเนื่องในการถ่ายโอนข้อมูล จุดนี้จึงเป็นอีกจุดหนึ่งทีมงานอยากทดสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลแก่ผู้อ่านคุณผู้อ่านได้ทราบ ในการทดสอบครั้งนี้ทีมงานทดสอบด้วยการใช้ My Book Studio ของ Western Digital ขนาด 500 กิกะไบต์ ที่มีพอร์ตให้ใช้งานทั้ง FireWire 400, FireWire 800,USB 2.0 และ eSATA อย่างครบถ้วน
สำหรับการทดสอบทีงานได้ทดสอบโดยอิงการใช้งานจริงเป็นหลัก นั้นคือ ทดสอบด้วยการจับเวลาในการถ่ายโอนข้อมมูลขนาด 1 กิกะไบต์ ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการทดสอบการใช้งานแอพพลิเคชั่นอย่าง Photoshop ที่มีการเซ็ตให้ตัวแอพพลิเคชั่นใช้งานหน่วยความจำเพียงแค่ 25 % โดยทุกหัวข้อการทดสอบจะมีการทดสอบทั้งหมด 4 ครั้ง แล้วนำผลการทดสอบที่ดีที่สุดเป็นผมการทดสอบที่ได้ออกมา ส่วนระบบที่ใช้ในการทดสอบได้แสดงในตากรางแสดงผลการทดสอบเรียบร้อยแล้วในตารางที่ 3 เรียบร้อยแล้ว
ตารางที่ 3 แสดงรายละเอียดระบบที่ใช้ในการทดสอบ
| |
ซีพียู
|
Intel Core 5 Duo E4200 1.8 GHz @ 3GHz
|
เมนบอร์ด
|
Gigabyte GA-965p-DS3
|
กราฟิกการ์ด
|
MSI GeForce88000 GT 512 MB
|
หน่วยความจำ
|
2 x G-Skill DDR2 800 1GB
|
ฮาร์ดดิสก์
|
Western Digital Caviar 400GB 7200rpm
|
ระบบปฏิบัติการ
|
Windows XP SP3
|
ผลการทดสอบ
ตารางที่ 4 ผลการทดสอบเวลาการโอนถ่ายข้อมูลขนาด 1 กิกะไบต์ ในรูปแบบต่างๆ(ใช้เวลายิ่งน้อยยิ่งดี)
| |
ก๊อบปี้ไฟล์ 1 GB ในยังตัวไดรฟ์ (FireWire800)
|
0:32
|
ก๊อบปี้ไฟล์ 1 GB ในยังตัวไดรฟ์ (FireWire400)
|
0:43
|
ก๊อบปี้ไฟล์ 1 GB ในยังตัวไดรฟ์
(USB 2.0)
|
0:51
|
ก๊อบปี้ไฟล์ 1 GB ในยังตัวไดรฟ์ (eSATA)
|
0:31
|
ดึงข้อมูลจากตัวไดรฟ์ 1 GB
(FireWire800)
|
0:47
|
ดึงข้อมูลจากตัวไดรฟ์ 1 GB
(FireWire400)
|
1:12
|
ดึงข้อมูลจากตัวไดรฟ์ 1 GB
(USB 2.0)
|
1:20
|
ดึงข้อมูลจากตัวไดรฟ์ 1 GB
(eSATA)
|
0:49
|
บันทึกงาน Photoshop ไปยังไดรฟ์
(FireWire800)
|
1:21
|
บันทึกงาน Photoshop ไปยังไดรฟ์
(FireWire400)
|
1:31
|
บันทึกงาน Photoshop ไปยังไดรฟ์
(USB 2.0)
|
1:34
|
บันทึกงาน Photoshop ไปยังไดรฟ์
(eSATA)
|
1:24
|
สรุปผลการทดสอบ
ในการทดสอบก๊อปปี้ไฟล์ขนาด 1 กิกะไบต์ จากเครื่องทดสอบไปยังตัวไดรฟ์ พบว่า eSATA ให้ความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็วที่สุด โดยมี FireWire 800 ตามาเป็นอันดับสองด้วนเวลาต่างกันเพียง 1 วินาที FireWire 400 ตามมาเป็นอันดับ 3 และ USB 2.0 เป็นอันดับสุดท้ายแม้ว่าในทางทฤษฏี USB 2.0 จะมีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงกว่า FireWire 400 แต่ในการใช้งานจริงจะพบว่า FireWire 400 ให้ความรวดเร็วกว่าอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน USB 2.0 ใช้เวลาช้ากว่า eSATA อยู่ 20 วินาที หรือประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว
สำหรับการคักลอกไฟล์จากตัวไดรฟ์มายังเครื่องพีซีทดสอบ ปรากกฎว่าเป็น FireWire 800ที่ผลการทดสอบได้ดีกว่า eSATA ด้วยการมีความแตกต่างของเวลาเพียง 2 วินาที ขณะที่ USB 2.0 ก็ยังทำผลงานได้ช้าที่สุดเช่นเดิม โดยช้ากว่า FireWire 400 ถึง 8 วินาที และช้ากว่า FireWire 800 ถึง 33วินาที หรือ 21 เปอร์เซ็นต์
สำหรับการทดสอบสุดท้ายที่นำแอพพลิเคชั่น Photoshop มาร่วมเป็นซอฟต์แวร์ทดสอบ เพื่อให้ผลทดสอบที่ตรงกับการใช้งานจริงมากที่สุด และเซ็ตให้ตัวแอพพลิเคชันใช้งานหน่วยความจำจากระบบพีซีเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ ก็พบว่า FireWire 800 ให้ความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลมากที่สุดเช่นเคย โดยเร็วกว่า eSATA อยู่ 3 วินาที ขณะที่ FireWire 400 ก็ทำเวลาได้ดีกว่า USB 2.0 อยู่ 3 วินาที และแน่นอนว่า USB 2.0 ก็ยังใช้เวลาในการถ่ายโอนข้อมูลได้ช้าที่สุดอีกครั้ง โดยมีความแตกต่างจาก FireWire 800 อยู่ 13 วินาที หรือประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์
จากผลการทดสอบ จะเห็นได้ว่า eSATA และ FireWire 800 ให้ความสวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่ใกล้เคียงกัน (แม้ว่าในทางทฤษฏีจะมีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลต่างกัน 3 เท่าตัว) จึงเป็นสองอินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อที่ควรนำมาใช้งานเป็นอย่างยิ่งหากว่าคุณจะคิดจะนำ Ext HDD มาใช้งานที่ต้องเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ หรืองานทีต้องการความรวดเร็วในการเก็บข้อมูลระดับสูง อย่างเช่น การเก็บไฟล์เสียง หรือไฟล์วีดีโอที่ได้จากการตัดต่อ เป็นต้น ขณะเดียวกัน FireWire 400 ก็ให้ความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่ดีกว่า USB 2.0 ในทุกหัวข้อการทดสอบ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ทีมงานรู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา FireWire 400 จะให้ความเสถียรภาพและความคงที่ในการถ่ายโอนข้อมูลมากกว่าอยู่แล้ว
ดูที่งบประมาณ และรูปแบบดารใช้งานเป็นหลัก
เชื่อว่าคุณผู้อ่านจะได้ประโยชน์เพื่อเป็นแนวทางการเลือกซื้อ Ext HDD จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยโดยสิ่งที่ควรจะยึดเหนี่ยวหลักๆ ในการเลือกสรร Ext HDD ก็คือ
หนึ่ง งบประมาณในการเลือกซื้อที่คุณมีอยู่ มีงบเต็มที่ได้แค่ไหนก็เลือกเอารุ่นที่รามคาไม่เกินงบประมาณของคุณดีที่สุด แม้ว่าในรุ่นความจุขนาดใหญ่จะมีราคา 1 กิกะไบต์ ที่น่าสนใจก็ตาม เพราะการใช้งานทั่วไปอินเตอร์เฟซแบบ USB 2.0 ก็น่าจะเพียงพออยู่แล้ว
สอง เลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากว่าไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่เน้นประสิทธิภาพในการทำงานเป็นหลักเพื่อให้เหมาะสมกับงาน เช่น การเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ การใช้ Ext HDD ร่วมกับแพพลิเคชันที่ต้องการความเร็ว อย่างเช่น โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ หรือการทำงานทางด้านมัลติมีเดียที่ต้องการอัตราการถ่ายโอนข้อมูลระดับสูง ก็ให้เลือกใช้งาน Ext HDD ที่รองรับอินเทอร์เฟซ แบบ FireWire 800, FireWire 400 หรือ eSATA หากต้องการแชร์ไฟล์ผ่านระบบเครือข่าย การเลือกใช้งาน NAS เองก็จะมีระบบรักษาความปลอกภัยพื้นฐานมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานอยู่แล้ว
จะซื้อ Ext HDD มาใช้งานทั้งทีก็ต้องให้ได้ของถูกใจและดีที่สุด ยิ่งกับสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ด้วยแล้ว การจับจ่ายแต่ละครั้งก็ควรจะต้องจบด้วยความแฮปปี้เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับชีวิต เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะครับ
บทความจาก : PC World
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น