วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เล่นหุ้น ทำไมจึงต้องเล่นหุ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั่วโลก ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีการลงทุนเพียง 3 แบบเท่านั้น ที่เอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างเด็ดขาดในระยะยาวๆ
แน่นอนที่ว่า การลงทุนในหุ้น ก็เป็นหนึ่งในสามการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อได้ ที่เหลืออีกสองแบบคือ ลงทุนใน "ทองคำ" และลงทุนใน "อสังหาริมทรพัย์"
"หุ้น" ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในสามเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดเสียด้วยสิ
ถ้า มีการลงทุนแค่ 3 อย่างที่ชนะเงินเฟ้อในระยะยาว การลงทุนแบบอื่นๆ นั้น ในระยะยาวแล้ว จะโดนเงินเฟ้อกินไปหมด หมายความว่า ค่าเงินของเราจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิบๆ ปี
ตัวอย่างการลงทุนที่เป็นที่นิยมของคนไทย
  • ฝากเงินในธนาคาร
  • ซื้อสลากออมสิน
  • ซื้อกองทุนตราสารหนี้
  • ฝังตุ่มที่บ้าน
  • ซื้อหวย ล็อตเตอรี่
  • ซื้อบ้านเพื่อปล่อยเช่า
  • ซื้อที่ดิน
การ ซื้อบ้านและที่ดินนั้น มีแนวโน้มว่า เมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิบๆ ปีแล้ว เราจะได้ผลตอบแทนรวมมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ แต่วิธีอื่นๆ นั้น ในระยะสั้นเราอาจจะได้ดอกเบี้ยสูง แต่ถ้าทิ้งไว้นานๆ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย จะน้อยกว่าเงินเฟ้อเสียอีก
เช่น ถ้ายี่สิบปีก่อน เราฝากเงินในธนาคาร 1 แสนบาท มาถึงวันนี้ รวมดอกเบี้ยทบต้น โดยไม่เอาเงินออกมาใช้เลยก็จะเป็นเงิน219,112 บาทซึ่งก็ฟังดูดี เพราะ 20 ปีผ่านไป เงินเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
แต่เมื่อ 20 ปีก่อน เงินหนึ่งแสนบาท สามารถใช้จ่ายค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่ารถ ค่าอำนวยความสะดวกต่างๆ ของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งได้ประมาณ 15 เดือน
แต่ปัจจุบัน เงินสองแสนกว่าบาท ครอบครัวเล็กๆ ใช้ในระดับเดียวกันได้ไม่ถึง 12 เดือน
แสดงว่า คุณค่าของเงิน ลดลงไปมากกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับจากธนาคารเสียอีก
ในขณะที่ถ้าเราเอาเงินหนึ่งแสนบาทไปลงทุนในหุ้นดีๆ ซักตัวเมื่อ 20 ปีก่อน ปัจจุบัน เราจะมีเงินเก็บประมาณ 1.6 ล้านบาทกว่าๆ
มากกว่าการฝากเงินธนาคารถึง 8 เท่า
แน่นอน การเล่นหุ้นไม่ใช่ว่าจะได้กำไรเสมอไป ถ้าวางแผนการลงทุนไม่ดี เราอาจจะสิ้นเนื้อประดาตัว เงินต้นหายหมดก็เป็นได้

ที่มา http://stock.exteen.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น