(ข้อมูลจาก สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม)
ธุรกิจ SMEs ดูเหมือนเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เริ่มต้น คนเหล่านี้มักมีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่าควรเริ่มต้นจากจุดไหนก่อน แล้วทำอย่างไรต่อไปจึงจะประสบความสำเร็จ แนวทางการเริ่มต้นธุรกิจเราควรเริ่มจากการหาข้อมูลใน 3 ด้านใหญ่ๆ คือ กำลังของตนเอง ตลาดลูกค้าและคู่แข่ง จากนั้น จึงไปสู่การจัดตั้งองค์กร ซึ่งในแต่ละด้านมีรายละเอียดปลีกย่อย ดังนี้
วัดกำลังตนเอง
• การรู้จักตน โดยประเมินว่าตนเองมีคุณสมบัติที่จะทำธุรกิจนั้นๆหรือไม่ เช่น มีความรู้ ความสามารถ มีความอดทน ขยัน ซื่อสัตย์ ยอมรับความเสี่ยงในด้านต่างๆดังเช่น กล้านำเงินออมที่เก็บทั้งชีวิตมาลงทุน เป็นต้น และที่สำคัญคือ ต้องหนักแน่น จริงจัง และกล้าตัดสินใจ
• เลือกประเภทธุรกิจที่เหมาะสมกับตนเอง โดยดูจากความชอบ ความถนัด ความสนใจของตนเองเป็นหลัก เพราะงานที่ตนรักจะทำให้ผู้ประกอบการอยากแสวงหาความรู้ใหม่ๆทางธุรกิจ
• สำรวจฐานะทางการเงินว่าตนเองมีเพียงพอหรือไม่ การเงินควรจัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ เช่น แบ่งไว้สำหรับใช้จ่ายในครอบครัว แบ่งเป็นเงินฝากไว้กับธนาคารเพื่อใช้ในยามจำเป็น และแบ่งไว้สำหรับการออมเพื่อการลงทุน อาจเป็นการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาล เมื่อจัดแบ่งเป็นส่วนต่างๆแล้ว เราจะเห็นว่าตนเองมีเงินเพียงพอเพื่อทำธุรกิจหรือไม่ หรือต้องหาจากแหล่งเงินกู้อื่นๆ
• มีทำเลที่ตั้ง ถ้าผู้เริ่มต้นธุรกิจมีสถานที่เป็นของตนเอง และอยู่ในทำเลที่ดีก็ไม่มีปัญหา แต่หากผู้เริ่มต้นยังไม่มี ควรมองหาทำเลที่เหมาะสมกับธุรกิจ เช่น ย่านศูนย์การค้า ชุมชน อยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ เป็นต้น และเรายังต้องคำนึงต่อด้วยว่าทำเลควรใช้วิธีซื้อ หรือเช่าดี โดยดูที่เงินทุนว่ามีเพียงพอหรือไม่ หากเรามีเงินน้อยก็ควรใช้วิธีเช่าจะดีกว่า ทั้งนี้ผู้เริ่มต้นธุรกิจควรดูถึงรายละเอียดของสัญญาว่าคุ้มค่ากับการลงทุน หรือไม่เพียงไร
สอดส่องตลาดลูกค้า-คู่แข่ง
• รู้ข้อมูลของลูกค้า ผู้เริ่มต้นธุรกิจควรสำรวจความต้องการสินค้าหรือบริการว่ามีมากน้อยเพียงใด เหมาะกับลูกค้ากลุ่มใด วัยใด ชาย หรือหญิง เพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับการผลิตต่อไป
• รู้ข้อมูลของคู่แข่ง ธุรกิจในปัจจุบันมีมากมาย เราจำเป็นต้องทราบว่าคู่แข่งของเราเป็นอย่างไร จุดเด่น จุดด้อยของเขาอยู่ตรงไหน แต่การรู้มูลของคู่แข่งไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต่างฝ่ายต่างปิดบังข้อมูลเหล่านี้
การจัดตั้งธุรกิจ
เมื่อเราประเมินตนเองและประเมินตลาดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดตั้งธุรกิจ วิธีจัดตั้งธุรกิจแบ่งเป็นส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้
• การตั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจ ต้องมีความชัดเจนว่าธุรกิจทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ผลที่คาดว่าจะได้รับ โดยผู้เริ่มต้นธุรกิจต้องคำนึงว่า เมื่อตั้งขึ้นมาแล้วจะสามารถทำตามได้หรือไม่
• รูปแบบขององค์กร รูปแบบขององค์กรมีหลายลักษณะคือ เป็นเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท ความรับผิดชอบของทั้ง 3 ลักษณะจะต่างกันไป คือ เจ้าของคนเดียว จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในทุกเรื่อง ห้างหุ้นส่วนคือมีหุ้นส่วนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ความรับผิดชอบของแต่ละคนมากน้อยต่างกันไปตามอัตราส่วนที่ตกลงกันไว้ ส่วนผู้ที่ลงทุนด้วยรูปแบบบริษัท ก็ต้องมีสมาชิกก่อตั้งจำนวน 7 คนขึ้นไป และผลตอบแทนที่ได้จะอยู่ในรูปของเงินปันผล
• การหาแหล่งเงินทุน ปกติเงินทุนมาจาก 2 แหล่งใหญ่ๆ คือ เงินทุนที่อยู่ในมือ และเงินทุนที่มาจากการกู้ยืม สำหรับการขอกู้เงิน หากเป็นนักลงทุนรายใหม่อาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากไม่ได้รับความเชื่อถือ ดังนั้นการสร้างเครดิตหรือความน่าเชื่อถือให้กับตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ และสิ่งที่ยืนยันความน่าเชื่อถือของเราได้คือ ผลการดำเนินงานของกิจการที่ผ่านมา รวมถึงสถานะทางการเงิน เช่นงบการเงินต่างๆ ประมาณการกำไรที่คาดว่าจะได้รับ
• สินค้าหรือบริการที่จะผลิต ต้องสอดคล้องกับข้อมูลความต้องการของลูกค้า และที่สำคัญ สินค้าควรมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่เหมือนใคร
• การจัดจำหน่ายสินค้า ผู้เริ่มต้นธุรกิจควรดูความเหมาะสมของตลาดว่า จะจัดจำหน่ายในลักษณะใด เช่น ขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ผ่านพ่อค้าคนกลาง มีผู้แทนจำหน่าย หรือหลายวิธีรวมกัน เป็นต้น
• การจัดการทางการเงิน คือ การวางแผนการใช้จ่ายเงินให้เงินหมุนเวียนไหลคล่องตลอด สิ่งที่ช่วยให้รู้ฐานะการเงินของเราคือ การทำบัญชี งบการเงิน ไม่ว่าจะเป็น งบดุล งบกำไรขาดทุน ประมาณการรายรับรายจ่าย เป็นต้น นอกจากนี้ผู้เริ่มต้นธุรกิจยังต้องแบ่งส่วนเงินทุนหมุนเวียนไว้เพื่อนำมา เป็นค่าใช้จ่ายภายในกิจการ เช่น เงินเดือนพนักงาน เงินจัดซื้อวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เงินเหล่านี้ต้องควบคุมให้พอใช้ไม่ขาดมือ เพราะถ้าผู้ประกอบการสะดุดกับภาวะการเงิน กิจการอาจหยุดชะงักลงได้
• พนักงาน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กิจการประสบความสำเร็จหรือไม่ ถ้านายจ้างสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม พนักงานก็จะมีขวัญ และกำลังใจที่ดีในการทำงาน ผลที่ตามมา กิจการจะเจริญรุดหน้า
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
นันทินาถ อมรประสิทธิ์, “การดำเนินธุรกิจ SMEs,” คู่มือดำเนินธุรกิจ SMEs,
จัดพิมพ์โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กรงเทพฯ : สำนักพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม, 2543), หน้า 3-1 - 3-19.
วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554
กับดักชีวิต
จุดสิ้นสุดของสิ่งหนึ่งมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดต่อไปเสมอ ฤดูกาลรับปริญญาทุกปีมาพร้อมกับรอยยิ้มความสุขของบัณฑิตใหม่
เคยคิดไหมครับว่า หลังจบจากรั้วมหาวิทยาลัย ถึงจะตีตั๋วจบปริญญาใบเดียวกัน แต่ทำไมคนบางคนเดินทางไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จได้ไกลกว่า มีชีวิตที่โชติช่วงกว่า
ขณะที่คนจำนวนไม่น้อยกลับหมดพลัง หมดไฟ ใช้ชีวิตราวกับเป็นฟันเฟืองที่หมุนวนย่ำอยู่กับที่
อะไรคือความแตกต่างที่ทำให้แต่ละคนก้าวไปถึงความสำเร็จได้ไม่เท่ากัน ?
ถ้าอายุเกษียณของคนเราอยู่ที่ 60... 20 ปีแรกของชีวิตคือช่วงเวลาของการเรียนรู้ จากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ 20 ปีต่อมาเป็นช่วงเวลาของการทำงานสร้างฐานะ สร้างความมั่นคงในชีวิต จนถึงอายุ 40
ในช่วง 20 ปีของการทำงานนี้เป็น 20 ปีทองในชีวิตที่สำคัญที่สุด
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทุ่มเท ตักตวงประสบการณ์ ใช้เวลาที่ทุกคนมีเท่ากัน 20 ปีนี้ดำเนินชีวิตอย่างไร
สำหรับผม 20 ปีนี้เป็น 20 ปีของความลำบาก การทุ่มเทหยาดเหงื่อ การทำงานหนัก การเรียนรู้สั่งสมชั่วโมงบิน ผ่านประสบการณ์ล้มเหลว และแก้ปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า
การใช้เวลาในชีวิตให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการตั้งเป้าหมายในชีวิต
จะเลือกลำบากก่อนสบาย หรือเลือกสบายก่อนแล้วค่อยลำบาก เราเท่านั้นที่เป็นคนออกแบบชีวิต
หลายคนติดกับดักชีวิต เพราะเลือกใช้ชีวิตเหมือน "หนูถีบจักร"
วิ่งไปแค่ไหนก็ยังย่ำอยู่กับที่ เพราะเสียเวลาทำในสิ่งซ้ำๆ ทำในสิ่งที่ไม่ได้พัฒนาตนเอง หรือก่อประโยชน์ใดๆ ในชีวิต บางคนเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตสนุกสนาน ลอยชาย ไร้จุดหมาย ขาดการเข้มงวดกับตัวเอง
นับวันบางคนยิ่งอายุมากขึ้น ชีวิตกลับตกอยู่ในสภาพหลังแอ่น เพราะสารพัดปัญหาที่มะรุมมะตุ้มมานานจนแทบจะมองไม่เห็นอนาคตแสงสว่างปลาย อุโมงค์
การวางแผนชีวิตที่ผิดพลาด มักเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาแรก
โดยเฉพาะเมื่อพยายามแก้ปัญหาแรกด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ก็มักจะเป็นชนวนให้เกิดปัญหาที่ 2-3-4 ตามมาแบบไม่รู้จบ
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะการติดกรอบ ติดกับดักความคิดของตัวเอง
เวลาที่เราวิ่งวุ่นอยู่กับการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาจนไม่มีเวลาคิดสร้างสรรค์งานใหม่ๆ เปรียบเหมือน "แมลงวันในครอบแก้ว" ที่ถูกใครสักคนเอาแก้วใสๆ ไปจับมันขังไว้
เจ้าแมลงวันที่น่าสงสารพยายามบินออกไปข้างนอกให้ได้ โดยไม่เฉลียวใจเลยว่ามีผนังแก้วที่ขวางกั้นอยู่
เมื่อมองไม่เห็นก็จะพุ่งเข้าชนอยู่อย่างนั้น ทำเรื่อยๆ ซ้ำๆ จนกระทั่งหมดแรงและตายไปในที่สุด
เวลาที่เราพยายามจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่รู้ว่าจุดบอดของตัวเองคืออะไร ไม่ต่างจากแมลงวันที่ติดกับดักในครอบแก้ว
ไม่สามารถทะลุผ่านปัญหานั้นไปได้ เพราะมองไม่เห็นจุดบอดในตัวเองที่คอยขวางกั้น
บางคนขาดระเบียบวินัยในการทำงาน ผัดวันประกันพรุ่ง งานเข้ามากขึ้นก็จับต้นชนปลายไม่ถูก กลายเป็นดินที่พอกคลุมอยู่ทั้งตัวจนกลายเป็นหมูไร้อนาคต
ถ้าหากเราไม่รู้ว่าจุดบอดของเราอยู่ตรงไหน แต่ดันทุรังทุ่มเทกำลังเดินก้าวต่อไปข้างหน้าโดยที่มีกำแพงแก้วครอบไว้อยู่ แล้วเราจะเดินไปได้ไกลอีกแค่ไหน
การที่เราจะเดินไปถึงจุดหมายของชีวิตได้ต้องอาศัยปัจจัยมากมาย บางคนมีความคิดที่ดีแล้วก็ต้องอาศัยความสามารถลงมือทำไปให้ถึงเป้าหมาย
แต่บางครั้งเมื่อมีเป้าหมายแล้วก็ยังต้องอาศัยเครื่องมือเพื่อเป็นแรงส่งเราไปให้ถึงให้ได้
ความคิดมีระยะห่างกับความเป็นจริงเสมอ ระหว่างระยะทางนั้นมีจุดบอดเป็นครอบแก้วบางๆ ที่เรามองไม่เห็น
อยู่ที่เราจะหาเจอแล้วทำลายจุดบอดนี้ไปได้หรือไม่
ว่างๆ ลองหาเวลานั่งเงียบๆ ทบทวนตัวเราเองดูว่าชีวิตของเรามีจุดบอดไหม
ถ้าตอบว่าไม่มี นั่นเป็นเพราะไม่มีจริงๆ หรือยังหาจุดบอดของตัวเองไม่เจอ
ถ้าคิดว่าหาจุดบอดนั้นเจอแล้ว เราจะทำลายกับดักครอบแก้วนั้นได้อย่างไร เพื่อเดินต่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
หากับดักที่ขวางกั้นความสำเร็จของคุณให้เจอและทลายมันให้จงได้ครับ
ตัน ภาสกรนที วิถีตัน
http://www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/tan/20110822/405664/กับดักชีวิต.html
เคยคิดไหมครับว่า หลังจบจากรั้วมหาวิทยาลัย ถึงจะตีตั๋วจบปริญญาใบเดียวกัน แต่ทำไมคนบางคนเดินทางไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จได้ไกลกว่า มีชีวิตที่โชติช่วงกว่า
ขณะที่คนจำนวนไม่น้อยกลับหมดพลัง หมดไฟ ใช้ชีวิตราวกับเป็นฟันเฟืองที่หมุนวนย่ำอยู่กับที่
อะไรคือความแตกต่างที่ทำให้แต่ละคนก้าวไปถึงความสำเร็จได้ไม่เท่ากัน ?
ถ้าอายุเกษียณของคนเราอยู่ที่ 60... 20 ปีแรกของชีวิตคือช่วงเวลาของการเรียนรู้ จากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ 20 ปีต่อมาเป็นช่วงเวลาของการทำงานสร้างฐานะ สร้างความมั่นคงในชีวิต จนถึงอายุ 40
ในช่วง 20 ปีของการทำงานนี้เป็น 20 ปีทองในชีวิตที่สำคัญที่สุด
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทุ่มเท ตักตวงประสบการณ์ ใช้เวลาที่ทุกคนมีเท่ากัน 20 ปีนี้ดำเนินชีวิตอย่างไร
สำหรับผม 20 ปีนี้เป็น 20 ปีของความลำบาก การทุ่มเทหยาดเหงื่อ การทำงานหนัก การเรียนรู้สั่งสมชั่วโมงบิน ผ่านประสบการณ์ล้มเหลว และแก้ปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า
การใช้เวลาในชีวิตให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการตั้งเป้าหมายในชีวิต
จะเลือกลำบากก่อนสบาย หรือเลือกสบายก่อนแล้วค่อยลำบาก เราเท่านั้นที่เป็นคนออกแบบชีวิต
หลายคนติดกับดักชีวิต เพราะเลือกใช้ชีวิตเหมือน "หนูถีบจักร"
วิ่งไปแค่ไหนก็ยังย่ำอยู่กับที่ เพราะเสียเวลาทำในสิ่งซ้ำๆ ทำในสิ่งที่ไม่ได้พัฒนาตนเอง หรือก่อประโยชน์ใดๆ ในชีวิต บางคนเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตสนุกสนาน ลอยชาย ไร้จุดหมาย ขาดการเข้มงวดกับตัวเอง
นับวันบางคนยิ่งอายุมากขึ้น ชีวิตกลับตกอยู่ในสภาพหลังแอ่น เพราะสารพัดปัญหาที่มะรุมมะตุ้มมานานจนแทบจะมองไม่เห็นอนาคตแสงสว่างปลาย อุโมงค์
การวางแผนชีวิตที่ผิดพลาด มักเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาแรก
โดยเฉพาะเมื่อพยายามแก้ปัญหาแรกด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ก็มักจะเป็นชนวนให้เกิดปัญหาที่ 2-3-4 ตามมาแบบไม่รู้จบ
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะการติดกรอบ ติดกับดักความคิดของตัวเอง
เวลาที่เราวิ่งวุ่นอยู่กับการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาจนไม่มีเวลาคิดสร้างสรรค์งานใหม่ๆ เปรียบเหมือน "แมลงวันในครอบแก้ว" ที่ถูกใครสักคนเอาแก้วใสๆ ไปจับมันขังไว้
เจ้าแมลงวันที่น่าสงสารพยายามบินออกไปข้างนอกให้ได้ โดยไม่เฉลียวใจเลยว่ามีผนังแก้วที่ขวางกั้นอยู่
เมื่อมองไม่เห็นก็จะพุ่งเข้าชนอยู่อย่างนั้น ทำเรื่อยๆ ซ้ำๆ จนกระทั่งหมดแรงและตายไปในที่สุด
เวลาที่เราพยายามจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่รู้ว่าจุดบอดของตัวเองคืออะไร ไม่ต่างจากแมลงวันที่ติดกับดักในครอบแก้ว
ไม่สามารถทะลุผ่านปัญหานั้นไปได้ เพราะมองไม่เห็นจุดบอดในตัวเองที่คอยขวางกั้น
บางคนขาดระเบียบวินัยในการทำงาน ผัดวันประกันพรุ่ง งานเข้ามากขึ้นก็จับต้นชนปลายไม่ถูก กลายเป็นดินที่พอกคลุมอยู่ทั้งตัวจนกลายเป็นหมูไร้อนาคต
ถ้าหากเราไม่รู้ว่าจุดบอดของเราอยู่ตรงไหน แต่ดันทุรังทุ่มเทกำลังเดินก้าวต่อไปข้างหน้าโดยที่มีกำแพงแก้วครอบไว้อยู่ แล้วเราจะเดินไปได้ไกลอีกแค่ไหน
การที่เราจะเดินไปถึงจุดหมายของชีวิตได้ต้องอาศัยปัจจัยมากมาย บางคนมีความคิดที่ดีแล้วก็ต้องอาศัยความสามารถลงมือทำไปให้ถึงเป้าหมาย
แต่บางครั้งเมื่อมีเป้าหมายแล้วก็ยังต้องอาศัยเครื่องมือเพื่อเป็นแรงส่งเราไปให้ถึงให้ได้
ความคิดมีระยะห่างกับความเป็นจริงเสมอ ระหว่างระยะทางนั้นมีจุดบอดเป็นครอบแก้วบางๆ ที่เรามองไม่เห็น
อยู่ที่เราจะหาเจอแล้วทำลายจุดบอดนี้ไปได้หรือไม่
ว่างๆ ลองหาเวลานั่งเงียบๆ ทบทวนตัวเราเองดูว่าชีวิตของเรามีจุดบอดไหม
ถ้าตอบว่าไม่มี นั่นเป็นเพราะไม่มีจริงๆ หรือยังหาจุดบอดของตัวเองไม่เจอ
ถ้าคิดว่าหาจุดบอดนั้นเจอแล้ว เราจะทำลายกับดักครอบแก้วนั้นได้อย่างไร เพื่อเดินต่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
หากับดักที่ขวางกั้นความสำเร็จของคุณให้เจอและทลายมันให้จงได้ครับ
ตัน ภาสกรนที วิถีตัน
http://www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/tan/20110822/405664/กับดักชีวิต.html
วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ระวัง กลโกง ซื้อของทางเนต
เอามาจากForward Mailครับ เอามาแชร์กัน
ได้ทั้งบัตรประชาชน ทั้งชื่อจริง ทั้งเลขบัญชี ยังจะโกงกันอีกไหม
?
เป็นเคสระดับมืออาชีพมากๆ ครับ แม้แต่คนที่ระวังตัวเองที่สุด ยังอาจเผลอตกเป็นเหยื่อโดยไม่ทันตั้งตัวได้จริงๆ
แต่สามารถป้องกันได้ง่ายๆ เพียง “อย่าคิดโอนเงิน หรือส่ง พกง. โดยเด็ดขาด”
เคสนี้ จะพิเศษกว่าเคสอื่นตรงที่ว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 3 ราย ได้แก่
- นางสาวโบว์ ผู้ต้องการซื้อ iPhone
- นายโก๋ ผู้จ้องจะโกงโดยใช้วิธีจับเสือมือเปล่า
- นายนัท ผู้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่พลอยติดคดีไปกับเขาด้วย
เอาละครับ ตั้งใจฟังผมเล่าดีๆ เพราะคดีนี้ มันซับซ้อนมาก
เรื่องมันเริ่มจาก นายโก๋ ได้คิดแผ่นชั่วร้ายขึ้นมา ว่าจะทำยังไงให้ได้เงิน โดยไม่ต้องลงทุน คำตอบก็ไม่ยาก “โกง” กันดีกว่า
เขาไปโพสต์ขาย มือถือไอโฟน ราคาถูกในเว็บไซต์ชื่อดัง และตั้งราคาที่น่าดึงดูดใจเช่นเคย
“iPhone 4 ซื้อมาแล้วใช้ไม่เป็น สภาพ 150% ราคา15,000 บาท เครื่องศูนย์ ทุยจ้าาา”
คือ กระทู้ที่นายโก๋ตั้ง คนต่างเฮโลกันมา ตอบกระทู้นายโก๋อย่างขาดสติ และเช่นเคย นายโก๋บอกว่า ก็คนมันบ้านไกล ช่วยโอนเงินให้ผมที ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ หรือนางสาวโบว์ แม้ใจจะไม่อยากโอนเงินให้นายโก๋ แต่อีกใจนึงก็อยากได้ของดีราคาถูก ซึ่งมันไม่มีในโลก ก็เลยตัดสินใจ บอกนายโก๋ว่า
โบว์: “ช่วยส่งหลักฐานประกอบการซื้อขายให้ทีได้มั้ยค้ะ เพราะโบว์กลัวโดนโกงค่ะ”
โก๋: “ได้ครับ ผมส่งสำเนาบัตรประชาชน และสมุดบัญชีให้นะครับ”
หลัง จากนั้น นางสาวโบว์ ก็ได้รับหลักฐานดังกล่าว โดยบัตรประชาชน และสมุดบัญชีธนาคาร ที่ระบุชื่อ “นายณัฐพงษ์ คนดีเลิศ” พร้อมเซ็นกำกับว่า “สำหรับซื้อขาย iPhone เท่านั้น”
เพราะฉะนั้น นางสาวโบว์เลยโล่งอกโล่งใจ ติดกับดักทางวิทยาศาสตร์ และหลงเชื่อโอนเงินให้นายโก๋ เป็นจำนวน 15,000 บาท…
เวลาผ่านไป… 1 อาทิตย์… 2 อาทิตย์… ไม่มีการตอบรับจากนายโก๋… ทำให้นางสาวโบว์ อกสั่นขวัญแขวน แต่ด้วยหลักฐานในมือ จึงนำไปแจ้งความ
แต่ ท้ายที่สุด หลักจากการสืบคดีพบว่า…. “นายณัฐพงษ์ คนดีเลิศ” เป็นคนละคนกับ “นายโก๋!!!” OH MY GOD! แล้วตูโอนเงินให้ใคร??? นางสาวโบว์ไม่เข้าใจ… นางสาวโบว์ทำไมไม่ได้เป็นดาวมหาลัย… ขอย้อนเวลาไปช่วงก่อนที่ นายโก๋ จะตั้งกระทู้ขาย iPhone เพราะเรื่องนี้มันลึกลับซับซ้อน ยิ่งกว่าฆาตรกรรมในห้องปิดตาย
ก่อนที่นายโก๋ จะตั้งกระทู้ขายไอโฟน… นายโก๋เข้าเว็บ ซื้อขายกล้องมือสอง และไปเจอคนขายกล้อง Canon G11 ราคา 10,500 บาท
ด้วยแผนที่วางไว้ในหัวตั้งแต่ต้น นายโก๋เลยแกล้งโทรไปคุยกับคนขายกล้อง ว่า
… โก๋: สวัสดีครับ สนใจกล้อง G11 ครับ
นัท: ครับผม ยังไม่ได้ขายครับ มาเอาของได้เลยครับ ที่สถานีดับเพลิงบางรัก
โก๋: พอดีว่า ผมไม่ได้อยู่กรุงเทพครับ เดี๋ยวผมโอนเงินให้ก่อนละกันครับ แล้วคุณค่อยส่งไปรษณีย์มาได้ไหมครับ
นัท: (คิดในใจ – โอนให้ก่อน
ตูก็มีแต่ได้นิหว่า ถ้างั้น…) ตกลงครับ
โก๋: แต่ยังไงผมต้องขอหลักฐาน สำเนาบัตรประชาชน และก็สมุดบัญชีด้วยนะครับ ผมกลัวโดนโกงครับ
นัท: ไม่มีปัญหาาาาา สบายบรื๋อครับ!!
หลัง จากนั้นนายนัทก็ส่งหลักฐานนายโก๋ ที่มีบัตรประชาชน และสมุดบัญชี ชื่อว่า “นายณัฐพงษ์ คนดีเลิศ” เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็มีเงินโอนเข้าบัญชีนายนัท เป็นเงิน “15,000 บาท”
โก๋: ผมโอนเงินผิดไปครับ โอนไป 15,000 บาท โอนเกินไป 4,500 บาท
นัท: ไม่มีปัญหาครับ เพราะผมคนดี ผมจะคืนเงินให้ บอกเลขบัญชีมาครับ
โก๋: เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวผมให้น้องของผมไปรับกล้อง และก็ขอรับเงินคืนด้วยละกันครับ นัท: ถ้างั้นก็ได้ครับ ไม่มีปัญหา
หลัก จากนั้น ทั้งนายโก๋ และนายนัท ก็นัดเจอกันที่สถานีดับเพลิงบางรัก นายนัทก็คืนเงินให้นายโก๋ 4,500 บาท พร้อมส่งกล้อง Canon G11 ให้ด้วย เพราะได้เงินมาแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้นดีล นายนัท (เข้าใจว่า) ทุกอย่างเรียบร้อยดี จนกระทั่ง….. เวลาผ่านไป 4 เดือน…
มีจดหมาย ดำเนินคดี ส่งมาที่บ้านของนายนัทว่า นายนัท พัวพันในคดีฉ้อฉลทำธุรกรรมผ่านทางอินเตอร์เน็ต ด้วยการซื้อขาย iPhone มือสอง และไม่ส่งสินค้าให้ตามที่ตกลงกันไว้
นายนัทตกใจ!!! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่เกิดมา ใช้แต่ imobile 2 sim ดูทีวีได้ ไม่เคยมี และไม่คิดใช้ iPhone จะไปเอา ไอโฟนของใครมาขาย???
นายนัทตัดสินใจไปพบตำรวจที่โรงพักตามหมายเรียก และพบว่า มีหลักฐานอยู่จริงๆ เป็นสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาสมุดบัญชีของนายนัทจริงๆ…
นายนัทงง และสับสน แต่ก็ค่อยๆ ไล่ลำดับเรื่อง และก็ถึงบางอ้อ… โดนเข้าแล้วไงกู…
จะเห็นได้ว่า ทั้งนายนัทเอง แม้จะเหมือนว่าเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ แต่ก็พลอยซวยตกไปอยู่ภายในคดีด้วย จากการส่งหลักฐานให้กับนายโก๋
ส่วนนางสาวโบว์เอง ก็หลงเชื่อกับหลักฐานเท็จ ที่นายโก๋ ได้มาจากนายนัท เลยลำพองใจโอนเงินไป แบบขาดสติ
ส่วนนายโก๋เอง ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ไร้หลักฐาน พร้อมรับกล้อง และเงินสดจำนวน 4,500 บาทติดมือกลับบ้าน แบบไม่ต้องรอ Jackpot…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
หากซื้อของ ก็อย่าคิดโอนเงินก่อน หากขายของ จะมีคนโอนเงินมาให้ ก็ต้องระวังนะจ๊ะ
ได้ทั้งบัตรประชาชน ทั้งชื่อจริง ทั้งเลขบัญชี ยังจะโกงกันอีกไหม

เป็นเคสระดับมืออาชีพมากๆ ครับ แม้แต่คนที่ระวังตัวเองที่สุด ยังอาจเผลอตกเป็นเหยื่อโดยไม่ทันตั้งตัวได้จริงๆ
แต่สามารถป้องกันได้ง่ายๆ เพียง “อย่าคิดโอนเงิน หรือส่ง พกง. โดยเด็ดขาด”
เคสนี้ จะพิเศษกว่าเคสอื่นตรงที่ว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 3 ราย ได้แก่
- นางสาวโบว์ ผู้ต้องการซื้อ iPhone
- นายโก๋ ผู้จ้องจะโกงโดยใช้วิธีจับเสือมือเปล่า
- นายนัท ผู้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่พลอยติดคดีไปกับเขาด้วย
เอาละครับ ตั้งใจฟังผมเล่าดีๆ เพราะคดีนี้ มันซับซ้อนมาก
เรื่องมันเริ่มจาก นายโก๋ ได้คิดแผ่นชั่วร้ายขึ้นมา ว่าจะทำยังไงให้ได้เงิน โดยไม่ต้องลงทุน คำตอบก็ไม่ยาก “โกง” กันดีกว่า
เขาไปโพสต์ขาย มือถือไอโฟน ราคาถูกในเว็บไซต์ชื่อดัง และตั้งราคาที่น่าดึงดูดใจเช่นเคย
“iPhone 4 ซื้อมาแล้วใช้ไม่เป็น สภาพ 150% ราคา15,000 บาท เครื่องศูนย์ ทุยจ้าาา”
คือ กระทู้ที่นายโก๋ตั้ง คนต่างเฮโลกันมา ตอบกระทู้นายโก๋อย่างขาดสติ และเช่นเคย นายโก๋บอกว่า ก็คนมันบ้านไกล ช่วยโอนเงินให้ผมที ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ หรือนางสาวโบว์ แม้ใจจะไม่อยากโอนเงินให้นายโก๋ แต่อีกใจนึงก็อยากได้ของดีราคาถูก ซึ่งมันไม่มีในโลก ก็เลยตัดสินใจ บอกนายโก๋ว่า
โบว์: “ช่วยส่งหลักฐานประกอบการซื้อขายให้ทีได้มั้ยค้ะ เพราะโบว์กลัวโดนโกงค่ะ”
โก๋: “ได้ครับ ผมส่งสำเนาบัตรประชาชน และสมุดบัญชีให้นะครับ”
หลัง จากนั้น นางสาวโบว์ ก็ได้รับหลักฐานดังกล่าว โดยบัตรประชาชน และสมุดบัญชีธนาคาร ที่ระบุชื่อ “นายณัฐพงษ์ คนดีเลิศ” พร้อมเซ็นกำกับว่า “สำหรับซื้อขาย iPhone เท่านั้น”
เพราะฉะนั้น นางสาวโบว์เลยโล่งอกโล่งใจ ติดกับดักทางวิทยาศาสตร์ และหลงเชื่อโอนเงินให้นายโก๋ เป็นจำนวน 15,000 บาท…
เวลาผ่านไป… 1 อาทิตย์… 2 อาทิตย์… ไม่มีการตอบรับจากนายโก๋… ทำให้นางสาวโบว์ อกสั่นขวัญแขวน แต่ด้วยหลักฐานในมือ จึงนำไปแจ้งความ
แต่ ท้ายที่สุด หลักจากการสืบคดีพบว่า…. “นายณัฐพงษ์ คนดีเลิศ” เป็นคนละคนกับ “นายโก๋!!!” OH MY GOD! แล้วตูโอนเงินให้ใคร??? นางสาวโบว์ไม่เข้าใจ… นางสาวโบว์ทำไมไม่ได้เป็นดาวมหาลัย… ขอย้อนเวลาไปช่วงก่อนที่ นายโก๋ จะตั้งกระทู้ขาย iPhone เพราะเรื่องนี้มันลึกลับซับซ้อน ยิ่งกว่าฆาตรกรรมในห้องปิดตาย
ก่อนที่นายโก๋ จะตั้งกระทู้ขายไอโฟน… นายโก๋เข้าเว็บ ซื้อขายกล้องมือสอง และไปเจอคนขายกล้อง Canon G11 ราคา 10,500 บาท
ด้วยแผนที่วางไว้ในหัวตั้งแต่ต้น นายโก๋เลยแกล้งโทรไปคุยกับคนขายกล้อง ว่า
… โก๋: สวัสดีครับ สนใจกล้อง G11 ครับ
นัท: ครับผม ยังไม่ได้ขายครับ มาเอาของได้เลยครับ ที่สถานีดับเพลิงบางรัก
โก๋: พอดีว่า ผมไม่ได้อยู่กรุงเทพครับ เดี๋ยวผมโอนเงินให้ก่อนละกันครับ แล้วคุณค่อยส่งไปรษณีย์มาได้ไหมครับ
นัท: (คิดในใจ – โอนให้ก่อน

โก๋: แต่ยังไงผมต้องขอหลักฐาน สำเนาบัตรประชาชน และก็สมุดบัญชีด้วยนะครับ ผมกลัวโดนโกงครับ
นัท: ไม่มีปัญหาาาาา สบายบรื๋อครับ!!
หลัง จากนั้นนายนัทก็ส่งหลักฐานนายโก๋ ที่มีบัตรประชาชน และสมุดบัญชี ชื่อว่า “นายณัฐพงษ์ คนดีเลิศ” เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็มีเงินโอนเข้าบัญชีนายนัท เป็นเงิน “15,000 บาท”
โก๋: ผมโอนเงินผิดไปครับ โอนไป 15,000 บาท โอนเกินไป 4,500 บาท
นัท: ไม่มีปัญหาครับ เพราะผมคนดี ผมจะคืนเงินให้ บอกเลขบัญชีมาครับ
โก๋: เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวผมให้น้องของผมไปรับกล้อง และก็ขอรับเงินคืนด้วยละกันครับ นัท: ถ้างั้นก็ได้ครับ ไม่มีปัญหา
หลัก จากนั้น ทั้งนายโก๋ และนายนัท ก็นัดเจอกันที่สถานีดับเพลิงบางรัก นายนัทก็คืนเงินให้นายโก๋ 4,500 บาท พร้อมส่งกล้อง Canon G11 ให้ด้วย เพราะได้เงินมาแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้นดีล นายนัท (เข้าใจว่า) ทุกอย่างเรียบร้อยดี จนกระทั่ง….. เวลาผ่านไป 4 เดือน…
มีจดหมาย ดำเนินคดี ส่งมาที่บ้านของนายนัทว่า นายนัท พัวพันในคดีฉ้อฉลทำธุรกรรมผ่านทางอินเตอร์เน็ต ด้วยการซื้อขาย iPhone มือสอง และไม่ส่งสินค้าให้ตามที่ตกลงกันไว้
นายนัทตกใจ!!! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่เกิดมา ใช้แต่ imobile 2 sim ดูทีวีได้ ไม่เคยมี และไม่คิดใช้ iPhone จะไปเอา ไอโฟนของใครมาขาย???
นายนัทตัดสินใจไปพบตำรวจที่โรงพักตามหมายเรียก และพบว่า มีหลักฐานอยู่จริงๆ เป็นสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาสมุดบัญชีของนายนัทจริงๆ…
นายนัทงง และสับสน แต่ก็ค่อยๆ ไล่ลำดับเรื่อง และก็ถึงบางอ้อ… โดนเข้าแล้วไงกู…
จะเห็นได้ว่า ทั้งนายนัทเอง แม้จะเหมือนว่าเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ แต่ก็พลอยซวยตกไปอยู่ภายในคดีด้วย จากการส่งหลักฐานให้กับนายโก๋
ส่วนนางสาวโบว์เอง ก็หลงเชื่อกับหลักฐานเท็จ ที่นายโก๋ ได้มาจากนายนัท เลยลำพองใจโอนเงินไป แบบขาดสติ
ส่วนนายโก๋เอง ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ไร้หลักฐาน พร้อมรับกล้อง และเงินสดจำนวน 4,500 บาทติดมือกลับบ้าน แบบไม่ต้องรอ Jackpot…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
หากซื้อของ ก็อย่าคิดโอนเงินก่อน หากขายของ จะมีคนโอนเงินมาให้ ก็ต้องระวังนะจ๊ะ
เทคนิคการทำ Adsense ให้ได้ $100 เหรียญต่อวัน
ไปอ่านเทคนิคการทำ Adsense ให้ได้ $100 เหรียญต่อวันจากเว็บฝรั่งมาครับ
เลยเอามาแปลเพื่อเป็นแนวทางรวยให้กับเพื่อนๆชาวไทยเสียวครับผม
1. เลือกคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับสินค้าอะไรซักอย่าง (คีย์เวิร์ดมีหลายประเภท เช่น สินค้า สถานที่ ชื่อคน เหตุการณ์)
- ให้เลือกคีย์เกี่ยวกับสินค้า เนื่องจากจะเป็นคีย์เวิร์ดที่จ่ายแพงครับ
- อีกเหตุผลที่ใช้คีย์เกี่ยวกับสินค้า เนื่องจากคีย์ประเภทนี้ เราเอามาเขียนบทความแนวรีวิวได้ง่าย
- เช่น "เก้าอี้เด็กติดรถยนต์"
2. เลือกคีย์เวิร์ดมาอีกซักคำที่ยาวกว่า
- ทีนี้ก็ลองหาคีย์เวิร์ดที่ยาวขึ้น แต่ก็ยังประกอบไปด้วยคีย์เวิร์ดหลักของเราอยู่ พ่วงชื่อยี่ห้อไปด้วย
- เช่น คีย์เวิร์ดหลักคือ "เก้าอีกเด็กติดรถยนต์" ก็ให้เลือกคีย์เวิร์ดอีกคำก็คือ "เก้าอี้เด็กติดรถยนต์ยี่ห้อ evenflo"
เลยเอามาแปลเพื่อเป็นแนวทางรวยให้กับเพื่อนๆชาวไทยเสียวครับผม
อ้างถึง
1. Pick a product Keyword
- I use product keywords because you get a higher Earning per click in adsense when you target these types of “buyer keywords”
- Another reason I use them is because it is easy to write a product review
- Eg “car seats for toddlers”
- I use product keywords because you get a higher Earning per click in adsense when you target these types of “buyer keywords”
- Another reason I use them is because it is easy to write a product review
- Eg “car seats for toddlers”
1. เลือกคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับสินค้าอะไรซักอย่าง (คีย์เวิร์ดมีหลายประเภท เช่น สินค้า สถานที่ ชื่อคน เหตุการณ์)
- ให้เลือกคีย์เกี่ยวกับสินค้า เนื่องจากจะเป็นคีย์เวิร์ดที่จ่ายแพงครับ
- อีกเหตุผลที่ใช้คีย์เกี่ยวกับสินค้า เนื่องจากคีย์ประเภทนี้ เราเอามาเขียนบทความแนวรีวิวได้ง่าย
- เช่น "เก้าอี้เด็กติดรถยนต์"
อ้างถึง
2. Find 2 other related Long tail keyword
- I then try to find 2 other keywords that have my original keyword in it but also have a brand
- Eg. If my keyword was “car seats for toddlers” I would use “evenflo car seats for toddlers”
- I then try to find 2 other keywords that have my original keyword in it but also have a brand
- Eg. If my keyword was “car seats for toddlers” I would use “evenflo car seats for toddlers”
2. เลือกคีย์เวิร์ดมาอีกซักคำที่ยาวกว่า
- ทีนี้ก็ลองหาคีย์เวิร์ดที่ยาวขึ้น แต่ก็ยังประกอบไปด้วยคีย์เวิร์ดหลักของเราอยู่ พ่วงชื่อยี่ห้อไปด้วย
- เช่น คีย์เวิร์ดหลักคือ "เก้าอีกเด็กติดรถยนต์" ก็ให้เลือกคีย์เวิร์ดอีกคำก็คือ "เก้าอี้เด็กติดรถยนต์ยี่ห้อ evenflo"
อ้างถึง
3. Research Competition and CPC
- I go to the google keyword tool listed here https://adwords.google.com/select/KeywordToolExternal
and check out the CPC of all of my keywords
- I try to target only keywords with a CPC of $1 or more
- I put my keyword into google and get the top 10 results
- I take all 10 Urls and put them into yahoo site explorer to see how many backlinks they have
- If out of the top 10 most have more than 100 backlinks I will find new keywords
- I go to the google keyword tool listed here https://adwords.google.com/select/KeywordToolExternal

- I try to target only keywords with a CPC of $1 or more
- I put my keyword into google and get the top 10 results
- I take all 10 Urls and put them into yahoo site explorer to see how many backlinks they have
- If out of the top 10 most have more than 100 backlinks I will find new keywords
เล่นหุ้น ทำไมจึงต้องเล่นหุ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั่วโลก ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีการลงทุนเพียง 3 แบบเท่านั้น ที่เอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างเด็ดขาดในระยะยาวๆ
แน่นอนที่ว่า การลงทุนในหุ้น ก็เป็นหนึ่งในสามการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อได้ ที่เหลืออีกสองแบบคือ ลงทุนใน "ทองคำ" และลงทุนใน "อสังหาริมทรพัย์"
"หุ้น" ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในสามเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดเสียด้วยสิ
ถ้า มีการลงทุนแค่ 3 อย่างที่ชนะเงินเฟ้อในระยะยาว การลงทุนแบบอื่นๆ นั้น ในระยะยาวแล้ว จะโดนเงินเฟ้อกินไปหมด หมายความว่า ค่าเงินของเราจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิบๆ ปี
ตัวอย่างการลงทุนที่เป็นที่นิยมของคนไทย
เช่น ถ้ายี่สิบปีก่อน เราฝากเงินในธนาคาร 1 แสนบาท มาถึงวันนี้ รวมดอกเบี้ยทบต้น โดยไม่เอาเงินออกมาใช้เลยก็จะเป็นเงิน219,112 บาทซึ่งก็ฟังดูดี เพราะ 20 ปีผ่านไป เงินเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
แต่เมื่อ 20 ปีก่อน เงินหนึ่งแสนบาท สามารถใช้จ่ายค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่ารถ ค่าอำนวยความสะดวกต่างๆ ของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งได้ประมาณ 15 เดือน
แต่ปัจจุบัน เงินสองแสนกว่าบาท ครอบครัวเล็กๆ ใช้ในระดับเดียวกันได้ไม่ถึง 12 เดือน
แสดงว่า คุณค่าของเงิน ลดลงไปมากกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับจากธนาคารเสียอีก
ในขณะที่ถ้าเราเอาเงินหนึ่งแสนบาทไปลงทุนในหุ้นดีๆ ซักตัวเมื่อ 20 ปีก่อน ปัจจุบัน เราจะมีเงินเก็บประมาณ 1.6 ล้านบาทกว่าๆ
มากกว่าการฝากเงินธนาคารถึง 8 เท่า
แน่นอน การเล่นหุ้นไม่ใช่ว่าจะได้กำไรเสมอไป ถ้าวางแผนการลงทุนไม่ดี เราอาจจะสิ้นเนื้อประดาตัว เงินต้นหายหมดก็เป็นได้
แน่นอนที่ว่า การลงทุนในหุ้น ก็เป็นหนึ่งในสามการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อได้ ที่เหลืออีกสองแบบคือ ลงทุนใน "ทองคำ" และลงทุนใน "อสังหาริมทรพัย์"
"หุ้น" ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในสามเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดเสียด้วยสิ
ถ้า มีการลงทุนแค่ 3 อย่างที่ชนะเงินเฟ้อในระยะยาว การลงทุนแบบอื่นๆ นั้น ในระยะยาวแล้ว จะโดนเงินเฟ้อกินไปหมด หมายความว่า ค่าเงินของเราจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิบๆ ปี
ตัวอย่างการลงทุนที่เป็นที่นิยมของคนไทย
- ฝากเงินในธนาคาร
- ซื้อสลากออมสิน
- ซื้อกองทุนตราสารหนี้
- ฝังตุ่มที่บ้าน
- ซื้อหวย ล็อตเตอรี่
- ซื้อบ้านเพื่อปล่อยเช่า
- ซื้อที่ดิน
เช่น ถ้ายี่สิบปีก่อน เราฝากเงินในธนาคาร 1 แสนบาท มาถึงวันนี้ รวมดอกเบี้ยทบต้น โดยไม่เอาเงินออกมาใช้เลยก็จะเป็นเงิน219,112 บาทซึ่งก็ฟังดูดี เพราะ 20 ปีผ่านไป เงินเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
แต่เมื่อ 20 ปีก่อน เงินหนึ่งแสนบาท สามารถใช้จ่ายค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่ารถ ค่าอำนวยความสะดวกต่างๆ ของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งได้ประมาณ 15 เดือน
แต่ปัจจุบัน เงินสองแสนกว่าบาท ครอบครัวเล็กๆ ใช้ในระดับเดียวกันได้ไม่ถึง 12 เดือน
แสดงว่า คุณค่าของเงิน ลดลงไปมากกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับจากธนาคารเสียอีก
ในขณะที่ถ้าเราเอาเงินหนึ่งแสนบาทไปลงทุนในหุ้นดีๆ ซักตัวเมื่อ 20 ปีก่อน ปัจจุบัน เราจะมีเงินเก็บประมาณ 1.6 ล้านบาทกว่าๆ
มากกว่าการฝากเงินธนาคารถึง 8 เท่า
แน่นอน การเล่นหุ้นไม่ใช่ว่าจะได้กำไรเสมอไป ถ้าวางแผนการลงทุนไม่ดี เราอาจจะสิ้นเนื้อประดาตัว เงินต้นหายหมดก็เป็นได้
ที่มา http://stock.exteen.com
Blog นี้สร้างขึ้นเพื่อ?
Blog นี้สร้างขึ้นเพื่อ? เก็บเรื่องราวบันทึก บทความ เรื่องราวที่คนไทยควรรู้
ไม่ว่าจะเรื่องคู่บ้าน เรื่องยา เรื่องหมา เรื่องแมว เรื่องเทคโนโลยี ฯลฯ
ไม่ว่าจะเรื่องคู่บ้าน เรื่องยา เรื่องหมา เรื่องแมว เรื่องเทคโนโลยี ฯลฯ
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)